โรคไหลตาย หรือ ภาวะเสียชีวิตฉับพลัน

โรคไหลตาย หรือ ภาวะเสียชีวิตฉับพลันโดยไม่ทราบสาเหตุขณะหลับ Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome (SUNDS) ในทางการแพทย์เรียกภาวะนี้ว่า “หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน” สาเหตุหลักคือกลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada Syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมของการนำเกลือแร่โซเดียมเข้าออกเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้ ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการได้แก่ ภาวะร่างกายขาดโพแทสเซียม, ขาดวิตามินบี 1 อย่างรุนแรง, ไข้สูง, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยานอนหลับเป็นประจำ
ความน่ากลัวของโรคนี้คือการเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน ที่ผู้ตายไม่มีโอกาสรู้ตัวมาก่อนเลย ส่วนใหญ่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยเฉพาะช่วงอายุ 25 - 50 ปี ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือไม่เคยเป็นโรคใด ๆ มาก่อนก็ตาม
สาเหตุของโรคไหลตาย
- ความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นสาเหตุหลักจากกลุ่มอาการบรูกาดา (Brugada Syndrome) ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ควบคุมการทำงานของไฟฟ้าในหัวใจ
- ความผิดปกติของไฟฟ้าหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรง จนหัวใจบีบตัวไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้
อาการที่อาจพบได้ของโรคไหลตาย
- หมดสติหรือเป็นลมกะทันหัน (Syncope) เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่ง เกิดจากการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง (Ventricular Fibrillation หรือ Ventricular Tachycardia) ทำให้เลือดไม่สามารถสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ชั่วขณะ
- หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน (Sudden Cardiac Arrest) เป็นอาการที่รุนแรงที่สุดและเป็นสาเหตุของชื่อ "ไหลตาย" หากไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงแก่ชีวิตได้
- หายใจเฮือกขณะนอนหลับ (Agonal Respiration/Gasping for air during sleep)
- อาการชัก (Seizures) ในบางราย การหมดสติอาจมีอาการชักร่วมด้วย ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคลมชักได้
- ใจสั่น (Palpitations) รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ เต้นเร็ว หรือแรงเกินไป แต่อาการนี้พบได้ไม่บ่อยนักในผู้ป่วยโรคไหลตาย
การป้องกันและข้อควรปฏิบัติ
- ระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีสารพิษ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาเสพติด การดื่มสุราจัดหรือใช้ยาเสพติดอาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่ให้สารอาหารเพียงพอ โดยเฉพาะวิตามินบี 1
- หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคไหลตาย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจประเมินความเสี่ยง
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หากมีอาการนอนกรนรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา
- การรักษา ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่สามารถใช้การรักษาตามระดับความรุนแรงได้ เช่น การฝังเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AICD) เพื่อป้องกันการเสียชีวิตฉับพลัน
การตรวจวินิจฉัยอย่างไรได้บ้าง?
โดยการตรวจวินิจฉัยความเสี่ยงของอาการจะมีการตรวจร่างกายเบื้องต้น พร้อมด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อดูลักษณะคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่บ่งชี้กลุ่มอาการบรูกาดาหรือไม่ รวมถึงการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติมตามแพทย์พิจารณา ดังนี้
- การตรวจสมรรถภาพของหัวใจขณะออกกำลังกาย (Exercise Stress Test)
- การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiography) เพื่อตรวจดูโครงสร้างของหัวใจว่าปกติหรือไม่
- การตรวจทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจระบบไฟฟ้าในหัวใจโดยการใส่สายเข้าไปตรวจภายในหัวใจ ในรายที่สงสัยว่ามีอาการบรูกาดา
- การติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกติดตัว (Holter Monitoring) ตลอด 24 ชม.เป็นการตรวจติดตามภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การตรวจทางพันธุกรรม (Genetic testing) เพื่อดูการกลายพันธุ์ในสารพันธุกรรมที่บ่งชี้ความเสี่ยงในการเกิดโรคไหลตาย หรือหากผู้ที่มีอาการเสียชีวิตไปแล้ว แพทย์จะพิจารณาตรวจตามประวัติและความเสี่ยง
การรักษาหลัก
- การฝังเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (Implantable Cardioverter-Defibrillator: ICD): เป็นวิธีการรักษาหลักและมีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการเสียชีวิตกะทันหันสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
- การจี้หัวใจ (Catheter Ablation หรือ Epicardial Ablation): เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยครั้ง หรือมีอาการช็อกหลายครั้งจากเครื่อง ICD
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ป่วยควรได้รับการติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ (อายุรแพทย์ไฟฟ้าหัวใจ) เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
โรงพยาบาลบางปะกอก 8 รับฟัง ดูแล ด้วยความใส่ใจ
Facebook : https://www.facebook.com/Bangpakok8
Tiktok : https://www.tiktok.com/@bangpakok8hospital
Instagram : https://www.instagram.com/bangpakok8hospital
LineOA : https://lin.ee/cbtHx5L