อากาศหนาวควรระวัง โรคที่มากับฤดูหนาว
1.ไข้หวัด (common cold)
โรคไข้หวัดธรรมดา จะมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม คันคอ เป็นอาการเด่น ไม่ค่อยมีไข้ และไม่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
วิธีรักษา
หากเป็นไข้หวัดควรพักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำให้บ่อย เช็ดตัวบ่อยๆเพื่อระบายความร้อนในร่างกาย และรับประทานยาลดไข้ ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก หากอาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ เพื่อเช็คอาการ
วิธีดูแลตัวเอง
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซี ช่วยป้องกันไข้หวัดได้ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
2.ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เป็นโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง และพบแพร่ระบาดอยู่บ่อยๆ 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B โดยไข้หวัดใหญ่จะมีอาการ ไข้สูง ปวดศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัวมาก อาจมีคลื่นไส้อาเจียน
วิธีการรักษา
ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกาย เช็ดตัวบ่อยๆ รับประทานยาตามอาการ หากรับประทานยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์ทันที
วิธีดูแลตัวเอง
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ผู้ที่ควรรับวัคซีนได้แก่ เด็กเล็ก คนชรา แพทย์ และพยาบาล โดยต้องเข้ารับการฉีดทุกปี เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่จะมีสายพันธุใหม่และร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
3.โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ (Pneumonia)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการอักเสบ จนมีหนองและสารน้ำในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนได้ อาการของโรคปอดบวม คือ มีไข้ ไอ มีเสมหะมาก แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ออก หอบ และหายใจเร็ว
วิธีการรักษา
หากรู้สึกว่ามีอาการคล้ายเป็นปอดบวม ควรรีบพบแพทย์ทันที หากแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการปอดบวมจะได้รับยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม
วิธีดูแลตัวเอง
เข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ อยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก สำหรับเด็กเล็กควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดบวม
4.โรค RSV
เป็นโรคที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่อาจจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้ RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจอักเสบโดยเฉพาะหลอดลมฝอย ซึ่งมีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 4 - 5 วัน
วิธีการรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ ไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส RSV ทำให้เด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสในช่วงที่แพร่ระบาดได้มากโดยเฉพาะสถานที่ที่เด็กอยู่กันมากๆ
วิธีดูแลตัวเอง
1. ล้างมือบ่อย ๆ หลังจากทำกิจกรรม หรือก่อนรับประทานอาหาร
2. ไม่สัมผัสหน้าโดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ
3. หากมีอาการป่วยควรพักผ่อนอยู่บ้าน หรือ งดไปในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก
4. ทำความสะอาดของเล่น ของใช้ต่างๆ
5. ผู้ป่วยต้องปิดปากหรือใส่หน้ากากอนามัยเวลาไอจามเพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือเมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร 02-109-8111
ติดตามช่องทางออนไลน์อื่นๆของโรงพยาบาลบางปะกอก 8
Facebook : https://www.facebook.com/Bangpakok8
Tiktok : https://www.tiktok.com/@bangpakok8hospital
Instagram : https://www.instagram.com/bangpakok8hospital
LineOA : https://lin.ee/cbtHx5L